DSK Clinic I The Customized Aesthetic Clinic
outro-ulthera (2)
banner-article-sidebar

Doctor Talk : คำถามเรื่องการยกกระชับใบหน้าด้วย HIFU

DSK Editorial team
บทความโดย
DSK Editorial team
มิถุนายน 27, 2023

Q: การยกกระชับผิวหน้าทำได้กี่แบบ

A: หมอว่าก่อนที่จะรู้ว่าทำได้กี่แบบ ต้องเข้าใจก่อนว่าการยกกระชับก็คือการทำให้ผิวเราที่มันย้อยที่มันตก ยกขึ้นไปเหมือนตอนเรายังหนุ่มยังสาว 

ในทางผิวหนัง จะมีสองชั้นหลักๆที่เราจะเข้าไปยกได้คือ

  1. ชั้นหนังแท้ (Dermis)
  2. ชั้น SMAS (เนื้อเยื่อของกล้ามเนื้อใบหน้า หรือ Superficial Musculo Aponeurotic System)

ชั้นหนังแท้จะเป็นชั้นที่ตื้นกว่า จะประกอบด้วยพวกเส้นใสคอลลาเจนที่เรารู้จักกัน

ส่วนชั้น SMAS จะลึกไปกว่าชั้นหนังแท้ เป็นเนื้อเยื้อที่คลุมกล้ามเนื้ออยู่ และเป็นชั้นที่หมอใช้ดึงหน้าเวลาทำศัลยกรรมดึงหน้าค่ะ

โดยเทคโนยีที่กระตุ้นชั้นหนังแท้ได้ดีคือกลุ่มคลื่นวิทยุ ส่วนเทคโนโลยีที่กระตุ้นชั้น SMAS ได้ดีคือกลุ่ม Ultrasound

Q: แล้วเราลงไปยกชั้นไหนดีกว่า หนังแท้ หรือ SMAS

A: อย่างที่หมอบอกนะคะ ชั้น SMAS เป็นชั้นที่ลึกกว่าชั้นหนังแท้ และเป็นเหมือนพรหมใต้ผิวที่มีเส้นใยขึ้นมาเกาะกับผิวด้านบนทั้งหมด ดังนั้นหมอศัลยกรรมเค้าจึงเลือกจะไปดึงชั้นนี้เพราะถ้าชั้นนี้ตึง ผิวทั้งหมดก็ยกไปตามๆกัน การลงไปที่ ชั้น SMAS จึงยกผิวได้ดีกว่า 

ในสมัยก่อนมีแค่การผ่าตัดที่ลงถึงชั้นนี้ จะเลเซอร์ RF อะไรก็ลงไม่ถึง แต่ในตอนนี้จะมีนวัตกรรมที่เราเรียกว่า HIFU นี่แหละค่ะ ที่ลงได้ลึกเท่าการศัลยกรรม โดยใช้คลื่นเสียงแบบเจาะจง เค้าพบว่าความถี่ของเสียงที่ต่างกันพลังงานจะลงลึกได้ต่างกัน เราก็จะเลือกใช้ความถี่ที่พอดีกับ SMAS ทำให้ชั้นนี้มันยกขึ้น ผิวหน้าก็จะยกขึ้นด้วย

สรุปง่ายๆคำตอบของหมอคือ ในปัจจุบันนวัตกรรมคลื่นอัลตร้าซาวน์ เป็นนวัตกรรมเดียวที่ลึกลงถึง SMAS และใช้ยกหน้าได้ดีกว่าการลงไปที่หนังแท้จาก RF ค่ะ

Q: แสดงว่าถ้าจะยกกระชับ ก็ต้อง HIFU เทคโนโลยีอื่นไม่ไม่ประโยชน์เลยหรอครับ

A: จริงๆมันมีมากกว่านั้นค่ะ HIFU อาจจะเด่นที่เรื่องยกหน้า รูปหน้าเปลี่ยน เพราะลงได้ลึก แต่ถ้าเรื่องความกระชับของผิวเช่นผิวคนมีอายุที่มันไม่เรียบเนียนไม่ตึงเนียนเหมือนสมัยก่อนอันนี้กลุ่มคลื่นวิทยุจะช่วยได้ดีกว่า 

เพราะว่า HIFU พลังงานมันลงเป็นจุดเช่นหัว 4.5 mm ก็จะลง 4.5 mm เท่านั้น แม้จะมีหัวหลายๆความลึกแต่ก็จะมีผิวส่วนที่ไม่โดนพลังงานอยู่ แต่ RF พลังงานจะลงเป็นก้อนตั้งแต่ชั้นบนสุด ลงมาลึกประมาณ 3-4 mm ดังนั้นผิวชั้นบนจะได้พลังงานเต็มๆ

จึงสรุปได้ง่ายๆว่า HIFU เน้นยกเพราะลงลึก RF เน้นกระชับเพราะพลังงานลงเป็นก้อนที่ชั้นหนังแท้

ที่นี้ปกติหมอก็จะพิจารณาตามลักษณะปัญหา ถ้าดูผิวหย่อนเยอะ อยากยกหน้าขึ้นไปก็HIFU แต่ถ้าโครงหน้าโดยรวมโอเค แต่ผิวไม่ตึง ไม่กระชับ ก็อาจจะต้องกลุ่ม RF

และก็มีบางกรณีที่คนไข้อยากบางคนอยากยกหน้า แต่เหมาะกับการทำ RF มากกว่า เช่นคนไข้ที่เนื้อเยอะ ดู heavy face กรณีแบบนั้นแม้เราจะยก SMAS ขึ้นมาแต่ถ้าหน้าหนักมาก ผิวด้านบนอาจจะไม่ได้ยกตาม การใช้กลุ่ม คลื่นวิทยุที่ยกชั้นบนโดนตรงและช่วยสลายแฟตได้ด้วยจึงจะอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

Q: หลายคนบอกว่าเคยทำ HIFU ไม่เห็นผล หมอมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ

A: จริงๆผลลัพธ์ของ HIFU มีหลายปัจจัยนะคะ

  1. ตัวเครื่อง เนื่องจาก HIFU มันอาศัยความแม่นยำ อย่างเช่น SMAS มันอยู่ 4.5 mm เครื่องที่ใช้ก็ควรจะลงลึกที่ 4.5 จริงๆ มันถึงจะยก ไม่ใช่ยิงไปโดนบ้างไม่โดนบ้างเพราะพลังงานไม่แม่นยำไม่เสถียร หน้ามันก็ไม่ยก ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องลอกเลียนแบบอยู่มากเพราะมีการแข่งขัยด้านราคาสูง ทำให้อาจจะได้ทำ HIFU ที่ไม่มีประสิทธิภาพ อย่างเครื่องที่เรา จะเป็นเครื่องที่มีงานวิจัยตีพิมพ์เลย ลองยิงในผิวหนังจริงแล้วตัดชิ้นเนื้อออกมาดูเลยว่ามันลง 4.5 mm จริงๆนะทำให้เรามั่นใจได้ว่ามันได้ผล ซึ่งก็จะมีแค่ 4-5 ยี่ห้อในประเทศเท่านั้นที่มีการตัดชิ้นเนื้อออกมาดูแบบนี้
  2. ข้อที่สองคือ แพทย์ เนื่องจาก HIFU มันจะมีหลายหัว หลายความลึก แต่ละบริเวณ แต่ละคนที่สภาพผิวต่างกันอาจต้องใช้ความงึกต่างกัน ยิงต่างเทคนิคกันอันนี้แพทย์ก็จะมีความสำคัญมาก ส่วนสุดท้ายคือ จำนวนขอ

ไลน์ที่ใช้ซึ่งจะต้องมากพอทำให้ได้ผลระยะยาวด้วย ซึ่งทั้งทำทั้งหน้าหมอคิดว่าควรทำถึง 600 line ค่ะ

และถ้าเป็นสมัยนี้ HIFU มีการพัฒนาไปมาก อย่างเดิมออกเป็นจุดต่อๆกัน ก็มีการพัฒนาให้ออกเป็นเส้นทั้งแถบ ทำให้พลังงานยกเยอะขึ้น ผลลัพธ์ก็จะดีขึ้น ซึ่งที่นี่ก็ใช้อยู่ แต่ก็ยังจะมีไม่กี่ที่มี

Q: ต้องทำ RF อย่างไรถึงจะได้ผล RF ครั้งละพันกับครั้งละหลายๆหมื่นต่างกันไหม

A: ต่างแน่นอนค่ะ เพราะRF เองก็แบ่งเป็นหลายประเภททั้ง monopolar bipolar multipolar ซึ่งก็เหมาะกับปัญหา สภาพผิวที่ต่างกัน และการที่ RF จะได้ประสิทธิภาพ ก็จะต้องมีพลังงานมากพอ และมีการควบคุมพลังงาน ไม่ใช่ไปนวดๆ อะไรก็ได้ผล ถ้าอย่างที่เรา RF เองก็มีทั้งแบบที่เป็น monopolar คือ intragen bipolar คือ formatite และ multipolar คือ venuslegacy ซึ่งทุกตัวที่ใช้อยู่ก็ผ่านUSFDA เลยมั่นใจเรื่องประสิทธิภาพและความปลอดภัยได้  

 Q: นอกจาก HIFU RF มีอย่างอื่นช่วยยกกระชับได้ไหมครับ 

มีค่ะ อยากแรกเลยคือการร้อยไหม แต่การร้อยไหมปัจจุบันที่ร้อยๆกันทั่วๆไป ส่วนมากจะไม่ใช่เป็นไหมที่ผ่าน อย เพื่อการยกกระชับหน้าโดยเฉพาะ  และอาจทำให้เกิดผังผืดหรือแผลเป็นใต้ผิวหลังการร้อยได้ 

อีกวิธีคือการใช้ฟิลเลอร์และโบทอกซ์ยกใบหน้า โดยฟิลเลอร์อาจจะเหมาะกับคนที่มีลักษณะของ volumn loss ร่วมด้วย ส่วน botox นั้นก็อาจจะต้องเลือกบางยี่ห้อที่มีงานวิจัยว่าช่วยในการยกหน้าได้จริง เพราะไม่ใช่ทุกยี่ห้อจะทำได้ และโดยทั่วไปจะแนะนำในเคสที่ทำ HIFU หรือ RF มาก่อนแต่อยากให้กรอบหน้าคมขึ้น เพราะจริงๆกลุ่มการใช้พลังงานมักให้ผลที่แน่นอน และยาวนานกว่าค่ะ

Q: หมออยากฝากอะไรถึงคนที่กำลัง พิจารณาการยกกระชับใบหน้าอยู่ไหมครับ

A: หมอว่าปัจจุบัน คนมองว่าการรักษาพวกนี้มันเป็นยความสวยงาม ซึ่งมันก็ใช่ แต่จริงๆมันก็คือการแพทย์อยู่ คนไข้ควรมาพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประเมินจริงๆแล้วคนไข้เหมาะ หรือไม่เหมาะกับอะไร เพื่อวางแผนรว่มกันและจะได้สิ่งที่ใกล้เคียงกับสิ่งที่ตัวเองคาดหวังมากที่สุด อีกสิ่งนึงที่หมออยากฝากคือ ปัจจุบันมีเครื่องมือที่ไม่ได้มาตรฐานค่อนข้างเยอะ ในอินเตอเนตก็ยังมีขาย ดังนั้นการเลือกสถานที่และเครื่องมือที่ได้มาตรฐานเป็นสิ่งสำคัญค่ะ

ชั้นหนังแท้ หรือ dermis ชั้นหนังแท้ก็จะเป็นเส้นใสคอลลาเจนต่างๆ และเป็นชั้นที่ทำให้เกิดริ้วรอย รวมถึงความไม่กระชับของผิว  ถ้าจะมาแก้ไขที่ชั้นนี้ได้ดีก๋ควรใช้พลังงานกลุ่มคลื่นวิทยุเช่น Formatite Intragen หรือ venus Legacy เพราะพลังงานลงได้

DSK CLINIC มั่นใจ ยาแท้ ปลอดภัย 100%
ติดต่อ สอบถาม จองคิว
เพิ่มเพื่อน

banner-view-promotion-mobile

วิดีโอเรื่องที่ควรรู้

mock-cover-video-1
เตือนภัย! แฉกลโกงคลินิกเสริมความงาม
ไม่อยากโดนหลอก ต้องดู!

อ่านบทความจากหมอ

banner-consultation-mobile-2x
bg-bt-contact-1-2x
ปรึกษาปัญหาผิวหน้า
ทักแชท Facebook ฟรี
bg-bt-contact-2-2x
แอดไลน์คลินิค
จองคิวทำนัด
bg-bt-contact-3-2x
ติดต่อสอบถาม
โทรเลย
bg-bt-contact-4-2x
ค้นหาสาขาใกล้ตัว
คลิกดูสาขา