เลือกฉีดฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี ให้ได้ผลลัพธ์ถูกใจ และมีความปลอดภัย
คุณหมอขอสรุป เลือกฉีดฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี?
|
การฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถแก้ไขปัญหาและปรับรูปปากได้ตามที่ต้องการ โดยการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญ เพราะแต่ละยี่ห้อและแต่ละรุ่นมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันในการตอบโจทย์ปัญหาของปากในแต่ละรูปแบบ ไปดูกันว่าควรเลือกฟิลเลอร์ฉีดปากยี่ห้อไหนดี แต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างและเหมาะกับปัญหาแบบไหนบ้าง

ฟิลเลอร์ปากคืออะไร
ฟิลเลอร์ปากเป็นหัตถการที่ช่วยแก้ไขหรือปรับรูปปากให้สวยงามและสมดุล โดยใช้สารเติมเต็มประเภทไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้กับผิวบริเวณปาก ฟิลเลอร์จะช่วยแก้ปัญหาปากบาง ปากไม่เป็นทรง รวมถึงเพิ่มวอลลุ่มให้กับปาก ทำให้ดูอวบอิ่มมากขึ้น
นอกจากนี้ยังช่วยลดริ้วรอยรอบปาก ทำให้ดูอ่อนเยาว์ และผลลัพธ์ที่ได้จะดูเป็นธรรมชาติ โดยฟิลเลอร์ปากแต่ละยี่ห้อช่วยให้ออกแบบทรงปากตามความต้องการของผู้เข้ารับการรักษาได้ เช่น ทรงเชอร์รี่ หรือทรงปากแบบฝรั่ง ที่มีความคมชัดของขอบปากมากขึ้น

ฟิลเลอร์ปากที่ดี มีคุณสมบัติอะไรบ้าง
เพื่อให้ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ปากออกมาสวยงามและเป็นธรรมชาติที่สุด การเลือกฟิลเลอร์ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับบริเวณริมฝีปากจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นบริเวณที่มีการขยับและเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ฟิลเลอร์ที่ดีควรมีคุณสมบัติดังนี้
- เนื้อนุ่มและยืดหยุ่นสูง : สามารถปรับตัวตามการเคลื่อนไหวของริมฝีปากได้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่ทำให้รู้สึกแข็งหรือเป็นก้อน
- ให้ความชุ่มชื้น : ช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม สุขภาพดี ไม่แห้งแตก
- มีความเรียบเนียน : เนื้อฟิลเลอร์ควรเนียนละเอียด กลืนไปกับเนื้อปากเดิมได้อย่างลงตัว เพื่อผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ
- คงรูปได้ดี : สามารถปั้นทรงและคงรูปร่างที่สวยงามไว้ได้นาน
- ปลอดภัย สลายได้เอง : ผลิตจากสารไฮยาลูโรนิคแอซิด (Hyaluronic Acid) ที่มีความปลอดภัยสูง และสามารถสลายไปได้เองตามธรรมชาติ

เลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ปากอย่างไร ให้ผลลัพธ์ออกมาสวย
การจะตัดสินใจว่าควรเลือก Filler ปากยี่ห้อไหนดีนั้น ไม่มีคำตอบที่ตายตัวสำหรับทุกคน เนื่องจากต้องพิจารณาจากหลายปัจจัยร่วมกัน เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ตรงกับความต้องการและเหมาะสมกับลักษณะเฉพาะของแต่ละบุคคลมากที่สุด โดยมีหลักการเลือกดังนี้
- เลือกจากผลลัพธ์ที่ต้องการ : ประเมินความต้องการของตนเองก่อนว่าอยากได้ริมฝีปากแบบไหน เช่น หากต้องการลุคอวบอิ่มแบบสายฝอ อาจต้องใช้ฟิลเลอร์ที่เนื้อแน่นและให้วอลลุ่มได้ดี แต่หากต้องการลุคธรรมชาติที่ดูชุ่มชื้นขึ้น อาจเลือกฟิลเลอร์เนื้อนิ่มและบางเบา
- เลือกเนื้อฟิลเลอร์ให้เหมาะกับการใช้งาน : ริมฝีปากเป็นส่วนที่ขยับบ่อยครั้ง จึงควรเลือกฟิลเลอร์ที่มีความยืดหยุ่นสูง เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อนเวลายิ้มหรือพูด
- เลือกให้เหมาะกับปัญหาปาก : หากมีปัญหาปากแห้ง ขาดน้ำ ควรเน้นฟิลเลอร์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นได้ดีเป็นพิเศษ หรือหากมีปัญหาริ้วรอยร่องลึกรอบปาก ก็ควรเลือกรุ่นที่สามารถเติมเต็มริ้วรอยได้
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ : แพทย์จะเป็นผู้ประเมินสภาพเนื้อปากเดิมและโครงสร้างใบหน้าโดยรวม เพื่อแนะนำยี่ห้อและรุ่นของฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ

ฉีดฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี
ฟิลเลอร์ปากที่ได้รับความนิยมในปัจจุบันมียี่ห้อและรุ่นต่างๆ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่แตกต่างกัน ดังนี้
1. Juvederm ฟิลเลอร์อเมริกา ปั้นทรงสวย อวบอิ่มเป็นธรรมชาติ
Juvederm เป็นฟิลเลอร์คุณภาพพรีเมียมจากบริษัท Allergan ประเทศสหรัฐอเมริกา โดดเด่นด้วยเทคโนโลยีการผลิต VYCROSS Technology ที่ช่วยให้โมเลกุลของฟิลเลอร์ยึดเกาะกันได้ดี มีความเรียบเนียนสูง ฉีดแล้วไม่เป็นก้อน ให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติและอยู่ได้ยาวนาน รุ่นที่เหมาะสำหรับริมฝีปาก ได้แก่
- Juvederm Volift : มีเนื้อฟิลเลอร์ที่นุ่มและความยืดหยุ่นปานกลาง เหมาะสำหรับปรับรูปทรงปาก เพิ่มความอวบอิ่ม แก้ปัญหาปากบาง ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติ สามารถคงผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
- Juvederm Volbella : เนื้อฟิลเลอร์มีความนิ่มและบางเบาที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มความชุ่มชื้น แก้ปัญหาปากแห้ง หรือเติมเต็มริ้วรอยเล็กๆ รอบปาก ให้ลุคที่ดูละมุนเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
2. Restylane ฟิลเลอร์สวีเดน โดดเด่นด้วยเทคโนโลยี OBT และ NASHA
Restylane เป็นฟิลเลอร์จากบริษัท Galderma ประเทศสวีเดน ซึ่งเป็นที่รู้จักและยอมรับทั่วโลก มีเทคโนโลยีการผลิต 2 แบบคือ NASHA Technology ที่เด่นเรื่องการยกกระชับ ปรับทรงให้คมชัด และ OBT Technology ที่เด่นเรื่องความยืดหยุ่นและเรียบเนียน ทำให้มีฟิลเลอร์หลากหลายรุ่นที่ตอบโจทย์ริมฝีปากได้ทุกรูปแบบ
- Restylane Kysse : ออกแบบมาเพื่อริมฝีปากโดยเฉพาะ เนื้อละเอียดและคงรูปได้ดี เหมาะสำหรับสร้างขอบปากให้คมชัด เพิ่มความอวบอิ่มและความชุ่มชื้นอย่างเป็นธรรมชาติ เหมาะกับทรงปากเกาหลี (Cherry Lip) ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
- Restylane Classic : มีเนื้อแน่นและคงตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปทรงริมฝีปากให้ชัดเจน หรือแก้ปัญหาปากบาง ช่วยเพิ่มความอวบอิ่มและลดริ้วรอยรอบปากได้ดี ผลลัพธ์คงอยู่ประมาณ 6-12 เดือน
- Restylane Vital Light : เนื้อฟิลเลอร์มีความบางเบาและนิ่มที่สุด ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ริมฝีปากดูเรียบเนียน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการแก้ปัญหาปากแห้งโดยไม่เน้นการเพิ่มวอลลุ่มมากนัก ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน
- Restylane Defyne : เนื้อเจลมีความนิ่มปานกลางและยืดหยุ่นสูง ทำให้ปากดูเป็นธรรมชาติและเคลื่อนไหวได้สะดวก เหมาะกับการเติมเต็มเพื่อสร้างทรงปากอวบอิ่ม ทั้งทรงเกาหลีและสายฝอ ผลลัพธ์อยู่ได้นานถึง 18 เดือน
3. Belotero ฟิลเลอร์สวิตเซอร์แลนด์ เติมเต็มทุกมิติให้เรียวปากสวย
Belotero เป็นฟิลเลอร์คุณภาพสูงจากบริษัท Merz Aesthetics ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีจุดเด่นคือเทคโนโลยี CPM (Cohesive Polydensified Matrix) ที่ทำให้เนื้อฟิลเลอร์มีความเรียบเนียน ยืดหยุ่น และสามารถกลืนไปกับผิวได้อย่างเป็นธรรมชาติที่สุด รุ่นที่นิยมใช้กับริมฝีปากคือ
- Belotero Intense : เนื้อฟิลเลอร์มีความยืดหยุ่นและคงตัวสูง เหมาะสำหรับเติมเต็มเพิ่มปริมาตรให้ริมฝีปากอวบอิ่ม แก้ปัญหาร่องลึกรอบปาก ทำให้ปากดูเต่งตึงและกระชับอย่างเป็นธรรมชาติ ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 18 เดือน
- Belotero Balance : มีเนื้อนิ่มปานกลาง มีความเรียบเนียนสูง เหมาะสำหรับการฉีดเพื่อเติมเต็มริ้วรอยร่องตื้นถึงปานกลางบริเวณรอบปาก ให้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและเนียนเรียบ สามารถคงผลลัพธ์ได้นานประมาณ 12-18 เดือน
- Belotero Lips : ออกแบบมาสำหรับริมฝีปากโดยเฉพาะ ใน 1 กล่องจะมี 2 รุ่น คือ Lips Shape สำหรับเพิ่มวอลลุ่มความอวบอิ่ม และ Lips Contour สำหรับสร้างขอบปากให้คมชัด ทำให้สามารถปั้นทรงปากได้อย่างสวยงามและสมบูรณ์แบบ ผลลัพธ์อยู่ได้นานประมาณ 12 เดือน
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
การฉีดฟิลเลอร์ปากไม่ได้เป็นเพียงการทำให้ปากอวบอิ่มขึ้นเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยแก้ปัญหาและปรับปรุงรูปลักษณ์ของริมฝีปากได้หลากหลายมิติ เพื่อรอยยิ้มที่สวยงามและใบหน้าที่ดูสมส่วนมากยิ่งขึ้น
- เติมเต็มริมฝีปากให้อวบอิ่ม : ช่วยแก้ปัญหาสำหรับผู้ที่มีริมฝีปากบางแต่กำเนิด หรือบางลงตามวัย ให้กลับมาดูเต็มอิ่มและสุขภาพดี
- ปรับแต่งทรงปากให้สมดุล : สามารถปั้นแต่งรูปทรงปากให้ได้สัดส่วนที่สวยงามตามที่ต้องการ เช่น ปากกระจับ หรือปรับแก้ความไม่เท่ากันของริมฝีปากบนและล่าง
- เพิ่มความชุ่มชื้น ลดปัญหาปากแห้งแตก : สารไฮยาลูโรนิคแอซิดในฟิลเลอร์ช่วยอุ้มน้ำ ทำให้ริมฝีปากที่เคยแห้งลอกกลับมาเนียนนุ่มและชุ่มชื้นขึ้น
- ทำให้ริ้วรอยเล็ก ๆ รอบริมฝีปากดูจางลง : สามารถเติมเต็มร่องหรือริ้วรอยรอบขอบปาก ทำให้ผิวบริเวณนั้นดูเรียบเนียนและอ่อนเยาว์ขึ้น
- ช่วยยกมุมปากที่ตกให้ดูสดใสขึ้น : สำหรับผู้ที่มีปัญหามุมปากตก ทำให้ใบหน้าดูบึ้งตึง สามารถใช้ฟิลเลอร์เพื่อยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย ทำให้ใบหน้าโดยรวมดูเป็นมิตรและสดใสขึ้น
- เสริมสร้างความมั่นใจในรอยยิ้มและใบหน้า : การมีริมฝีปากที่สวยงามได้รูปทรง ช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจได้อย่างดีเยี่ยม
- เป็นหัตถการที่ไม่ต้องผ่าตัด : ไม่ต้องเจ็บตัวจากการผ่าตัด ไม่ต้องพักฟื้นนาน และสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงได้ค่อนข้างชัดเจนทันทีหลังทำ
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก
เพื่อให้ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์ปากออกมาดี นอกจากการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมแล้ว ควรมีการเตรียมตัวก่อนการฉีด ดังนี้
- ศึกษาข้อมูลเรื่องการฉีดฟิลเลอร์อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจ
- หากมีโรคประจำตัวร้ายแรง หรือโรคที่อาจส่งผลต่อการฉีดฟิลเลอร์ ควรแจ้งให้แพทย์ทราบก่อน
- หลีกเลี่ยงการฉีดฟิลเลอร์ในระหว่างตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- หยุดใช้ยาแก้ปวด ยาแอสไพริน และยาต้านการอักเสบ เช่น Ibuprofen และ Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด เพื่อป้องกันการเกิดอาการฟกช้ำและเลือดออกที่อาจเกิดขึ้น
- หยุดใช้วิตามินและอาหารเสริมที่อาจทำให้เลือดหยุดยาก เช่น วิตามินอี น้ำมันปลา น้ำมันอิฟนิ่งพริมโรส สารสกัดจากโสม ขิง กระเทียม และใบแปะก๊วย เป็นเวลา 2 สัปดาห์ก่อนการฉีด
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 2 วันก่อนการฉีด
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีดหรือร่างกายเหนื่อยล้า
- ทำความสะอาดใบหน้าและล้างเครื่องสำอางให้สะอาดในวันที่ทำการฉีดฟิลเลอร์

อัปเดตเทรนด์ ทรงปากยอดนิยมประจำปี 2025
สำหรับการฉีดฟิลเลอร์ปากที่ตอบโจทย์ความต้องการของแต่ละบุคคล นอกจากยี่ห้อฟิลเลอร์ปากแล้ว การปรับแต่งตามรูปหน้า (DSK Customize) ก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ได้ผลลัพธ์ที่เป็นธรรมชาติและเหมาะสมที่สุด อย่างไรก็ตาม มีทรงปากยอดนิยมที่คนไข้หลายๆ คนชื่นชอบ ดังนี้
- รูปทรงปากธรรมชาติ ทรงปากบนบางกว่าปากล่างในสัดส่วนที่พอเหมาะ การฉีดฟิลเลอร์สามารถทำได้โดยฉีดให้ปากเต็มขึ้น เพิ่มความชุ่มชื้น และช่วยกลบร่องบนริมฝีปาก
- ทรงปากกระจับ (Cherry Kysse) มีลักษณะเป็นปากกระจับบนล่าง โดยปากบนมีเนื้อติ่งตรงกลางและริมฝีปากล่างอวบอิ่ม คล้ายผลเชอร์รี่สองลูกประกบกัน ผ่านการฉีดฟิลเลอร์ที่ช่วยให้ริมฝีปากล่างอวบอิ่มและเติมเนื้อติ่งที่ปากบนได้ปากกระจับสวย
- ทรงปากเกาหลี มีลักษณะอวบอิ่มเล็กน้อยและเป็นธรรมชาติ ปากบนมีความกระจับเล็กน้อย มุมปากยกขึ้นและมีความฉ่ำวาว ซึ่งทำได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์เพื่อเพิ่มความอวบอิ่มและปรับรูปทรงให้สวยงาม
- ทรงปากสายฝอ ทรงปากอวบอิ่มแบบตะวันตก ที่ทำได้โดยการฉีดฟิลเลอร์ช่วยเพิ่มความอวบอิ่มให้กับริมฝีปากทั้งบนและล่างในสัดส่วน 1:1 พร้อมปรับขอบปากให้คมชัดและเสริมเสน่ห์แบบสายฝอ
- ทรงปากปีกนก ยกมุมปาก รูปปากทรงนี้เวลายิ้มลักษณะของริมฝีปาก และมุมปากจะยกขึ้นคล้ายกับปีกนก เหมาะกับโครงหน้าของคนไทย สามารถทำได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ที่เนื้อเจลมีความนิ่มและยืดหยุ่นสูง เพื่อเพิ่มความยกมุมปากและปรับรูปทรงให้ดูเป็นธรรมชาติ
- ทรงปาก Heavy Upper Lips มีลักษณะริมฝีปากบนหนากว่าริมฝีปากล่าง การปรับทรงทำได้โดยการฉีดฟิลเลอร์เพิ่มความหนาและอวบอิ่มให้กับริมฝีปากบน ส่วนริมฝีปากล่างฉีดพอดีไม่ให้ใหญ่เกินไป
- ทรงปาก Heavy Lower Lips ทรงปากที่ริมฝีปากล่างจะหนากว่าริมฝีปากบน การปรับทรงทำได้โดยการฉีดฟิลเลอร์เพิ่มความหนาและอวบอิ่มให้กับริมฝีปากล่าง พร้อมทำให้ขอบปากบนชัดเจน หรือบางคนอาจเพิ่มการยกมุมปากเพื่อให้ได้ทรงปากที่สวย เซ็กซี่ และไม่ดูปากเจ่อเกินไป
- ทรงปาก Full Lips ทรงปากที่เพิ่มความหนาทั้งริมฝีปากบนและล่างในสัดส่วน 1:1 ทำให้ปากโดดเด่น เหมาะกับคนที่มีโครงหน้าชัดเจน สามารถใช้ฟิลเลอร์ที่มีเนื้อเจลความหนาและความยืดหยุ่นสูงเพื่อเพิ่มปริมาณและความอวบอิ่มของริมฝีปาก
- ทรงปาก Wide Lips ทรงที่มีลักษณะปากกว้างกว่าปกติ เนื้อปากบนและล่างมีความอวบอิ่มและสมดุลกัน การปรับทรงปากนี้จะใช้ฟิลเลอร์เพื่อยกมุมปากและสร้างขอบปากให้ชัดเจน ซึ่งช่วยขยายให้ทรงปากดูยาวมากขึ้นและเพิ่มความสมดุลให้กับรูปปาก
- ทรงปาก Cupid’s Bow รูปทรงที่คล้ายหัวใจหรือคันธนูของคิวปิด โดยริมฝีปากบนเป็นกระจับคล้ายตัวอักษร M และริมฝีปากล่างอวบอิ่ม ฟิลเลอร์ที่ใช้จะต้องมีเนื้อเนียนละเอียด เพื่อเพิ่มความคมชัดให้ขอบปากและความอวบอิ่มให้ริมฝีปากล่าง
การดูแลตนเองหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
การคงผลลัพธ์ของฟิลเลอร์ปากให้ยาวนานต้องการการดูแลหลังฉีดอย่างเหมาะสม ดังนี้
- ริมฝีปากอาจบวมได้ ซึ่งเป็นปกติและจะลดลงภายใน 2-3 วัน
- ใช้ถุงน้ำแข็งหรือก้อนน้ำแข็งที่ห่อด้วยผ้า ประคบบริเวณริมฝีปาก 15 นาทีหลังการฉีด เพื่อบรรเทาอาการบวม คัน และรอยฟกช้ำ
- หลีกเลี่ยงการนวดหรือกดที่ริมฝีปาก
- งดการออกกำลังกายหนัก 24-48 ชั่วโมงหลังการฉีด
- หากมีอาการปวด สามารถใช้ยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอล
- หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าที่ริมฝีปากภายใน 24 ชั่วโมงหลังการฉีด
ฉีดฟิลเลอร์ปากที่ DSK Clinic ดีอย่างไร?
ที่ DSK เราใช้เทคนิค ABI multi layer วิเคราะห์ก่อนฉีดเฉพาะบุคคล แก้ไขถึงโครงสร้าง เพื่อการแก้ไขปัญหาที่เป็นธรรมชาติ ไม่ปลอม ไม่โป๊ะ เน้นความแม่นยำ ใช้ฟิลเลอร์น้อยกว่า เพื่อให้ได้การฉีดฟิลเลอร์ที่เป็นธรรมชาติและเฉพาะบุคคล เน้นการฉีดให้ดูธรรมชาติ ไม่ปลอม ไม่โป๊ะ แต่ดูดีขึ้นในแบบของตัวเอง จากการวิเคราะห์ปัญหา และวางแผนเฉพาะบุคคลก่อนฉีดพร้อมฟิลเลอร์คุณภาพสูง ผ่านการรับรองมาตรฐาน โดยที่ DSK เลือกใช้เฉพาะฟิลเลอร์แบรนด์ Premium จากยุโรป โดยเน้นการเลือกให้เหมาะกับลักษณะปัญหาเพื่อประสิทธิภาพในการรักษาสูงสุด
ความปลอดภัยและคุณภาพคือสิ่งที่เรามุ่งมั่น รวมถึงราคาที่เป็นกันเองและมีแพ็กเกจให้เลือก
พร้อมบริการที่ดูแลเอาใจใส่ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปรึกษา การทำ และการดูแลหลังการทำ เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและความพึงพอใจของคุณ คนไข้จะได้รับทั้งความปลอดภัยและคุณภาพ ด้วยรางวัลการันตีระดับประเทศมากมาย ไม่ว่าจะเป็น 2021 Merz Thailand Rising Star, 2022 The Infinite Award for Belotero, Top 10 Restylane Filler และอื่นๆ อีกมากมาย
โดยขั้นตอนการ Customization เทคนิคเฉพาะของ DSK ประกอบด้วย 3 ขั้นตอน ดังนี้
วิเคราะห์ใบหน้า
เนื่องจากใบหน้าแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะ ทำให้การฉีดฟิลเลอร์ในแต่ละเคสต้องผ่านการวิเคราะห์ใบหน้าประเมินสัดส่วนอย่างละเอียด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมส่วนและสวยงาม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะให้คำปรึกษาและคำแนะนำแบบรายบุคคล เพื่อหาจุดร่วมระหว่างความต้องการของคนไข้และความเหมาะสมของแต่ละเคสในการเติมฟิลเลอร์
วิเคราะห์แผนการรักษา จำนวนที่ใช้ จุดฉีด และรุ่นที่เหมาะสม
ปัญหาของแต่ละคนแตกต่างกันออกไป ทำให้การดูแลแต่ละเคสไม่เหมือนกัน แพทย์จะวิเคราะห์ปัญหาผิวหน้า และประเมินการดูแลตามสัดส่วน รูปหน้า ปัญหาผิวหน้า
เลือกรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสม จำนวนที่เหมาะสมเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาได้ดีที่สุด
ฟิลเลอร์แต่ละรุ่นมีโมเลกุลและความแข็งต่างกัน หลังจากวิเคราะห์โครงหน้าและปัญหาของแต่ละเคสอย่างละเอียดแล้ว แพทย์จะประเมินจุดที่ฉีด เลือกรุ่นฟิลเลอร์ และปริมาณที่เหมาะสม
และความต้องการของคนไข้ เพื่อให้การฉีดฟิลเลอร์ได้ผลลัพธ์ตรงตามต้องการและเหมาะสมที่สุด
เลือกรุ่นฟิลเลอร์ที่เหมาะสม จำนวนที่เหมาะสมเพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาได้ดีที่สุด
ฟิลเลอร์แต่ละรุ่นมีโมเลกุลและความแข็งต่างกัน หลังจากวิเคราะห์โครงหน้าและปัญหาของแต่ละเคสอย่างละเอียดแล้ว แพทย์จะประเมินจุดที่ฉีด เลือกรุ่นฟิลเลอร์ และปริมาณที่เหมาะสม
และความต้องการของคนไข้ เพื่อให้การฉีดฟิลเลอร์ได้ผลลัพธ์ตรงตามต้องการและเหมาะสมที่สุด
วิเคราะห์เทคนิคฟิลเลอร์
ฟิลเลอร์แต่ละรุ่นมีโมเลกุลและความแข็งต่างกัน หลังจากวิเคราะห์โครงหน้าและปัญหาของแต่ละเคสอย่างละเอียดแล้ว แพทย์จะประเมินจุดที่ฉีดและเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสม
ขั้นตอนการฉีดเป็นขั้นตอนที่ละเอียด แพทย์จะทำการออกแบบเทคนิคการฉีด ความลึก ชนิดของอุปกรณ์ ชั้นที่ต้องการวางยา และจุดวางยาเฉพาะบุคคล ที่ทำให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการเฉพาะบุคคล
พร้อมใช้เทคนิคที่ช่วยให้ฟิลเลอร์สามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แก้ไขปัญหาได้ยาวนานและแม่นยำ เพื่อผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ โดยใช้ฟิลเลอร์อย่างคุ้มค่าและเกิดผลลัพธ์สูงสุด
รีวิวฉีดฟิลเลอร์ปากที่ DSK Clinic



* ใช้เป็นตัวอย่างผลจากการเข้ารับการรักษาพยาบาลสําหรับผู้ป่วยเฉพาะราย
* ได้รับความยินยอมจากคนไข้ให้ใช้ภาพแล้ว
สรุป
ฟิลเลอร์ปากคือสารเติมเต็มที่เพิ่มความอวบอิ่มและปรับรูปทรงของริมฝีปาก ฟิลเลอร์ปากที่ดีต้องเนียนละเอียดและเหมาะกับรูปปากเพื่อผลลัพธ์ธรรมชาติ ซึ่งแต่ละยี่ห้อฟิลเลอร์ปากมีคุณสมบัติและเนื้อฟิลเลอร์ต่างกัน ควรเลือกตามปัญหาและรูปปากที่ต้องการ นอกจากนี้ควรเลือกฉีดฟิลเลอร์ที่คลินิกที่มีแพทย์ชำนาญและเทคนิคการฉีดที่ดีจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยและเหมาะสม โดยที่ DSK Clinic ที่มีการวิเคราะห์ปัญหาและใบหน้าอย่างละเอียด เฉพาะบุคคลทั้งทรงปากที่เหมาะกับใบหน้า รุ่นที่ฉีด จุดฉีด เทคนิคที่ใช้เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่สวยธรรมชาติและเหมาะสมกับใบหน้าที่สุด

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์ปาก (FAQs)
หลายคนสงสัยเกี่ยวกับฟิลเลอร์ปาก และการเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ปากที่เหมาะสม สำหรับข้อมูลในการพิจารณา เรามาตอบคำถามที่พบบ่อยเพื่อช่วยให้คุณเข้าใจและเลือกฟิลเลอร์ปากที่ดีที่สุดสำหรับความต้องการของคุณ
ฟิลเลอร์ปากต้องฉีดกี่ cc
ปริมาณฟิลเลอร์ที่ต้องใช้ขึ้นอยู่กับลักษณะและความต้องการของริมฝีปาก เช่น หากริมฝีปากบางหรืออยากได้ความอวบอิ่มมากอาจต้องใช้ 2 cc แต่ปริมาณ 1 cc ก็เพียงพอสำหรับการปรับรูปทรงทั่วไป แพทย์จะประเมินปริมาณที่เหมาะสมก่อนฉีด
ฉีดฟิลเลอร์ปากจะมีอาการบวมนานไหม?
หลังฉีดฟิลเลอร์ปากอาจมีอาการบวมเล็กน้อย 3-7 วัน ซึ่งความรุนแรงขึ้นอยู่กับสภาพผิวแต่ละบุคคล โดยอาการบวมจะค่อยๆ ดีขึ้นเอง สามารถใช้การประคบเย็นช่วยได้ ผลลัพธ์ชัดเจนเมื่อปากหายบวมและเข้าที่ประมาณ 1-2 สัปดาห์
ฟิลเลอร์ปากอันตรายไหม?
การฉีดฟิลเลอร์ปากปลอดภัยหากทำโดยแพทย์เชี่ยวชาญ เนื่องจากบริเวณริมฝีปากมีเส้นเลือดมาก ควรเลือกคลินิกที่ใช้ฟิลเลอร์แท้และแพทย์มีความเชี่ยวชาญในการฉีด
ฟิลเลอร์ปากยี่ห้อไหนดี?
ฟิลเลอร์ปากที่ดีควรเลือกยี่ห้อที่มีเนื้อฟิลเลอร์ยืดหยุ่นสูง ซึ่งจะให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติและปรับรูปทรงปากได้ดี โดยไม่ทำให้รู้สึกแข็งหรือเป็นก้อน
ฟิลเลอร์ปากอยู่ได้นานไหม?
ฟิลเลอร์ปากโดยทั่วไปอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อที่ใช้และการดูแลตัวเองหลังฉีด การเลือกฟิลเลอร์ที่มีคุณภาพและการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์จะช่วยให้ผลลัพธ์ยาวนานขึ้น
วิดีโอเรื่องที่ควรรู้
ไม่อยากโดนหลอก ต้องดู!