DSK Clinic I The Customized Aesthetic Clinic
outro-ulthera (2)
banner-article-sidebar

อยากผิวเด็กต้องฉีด Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวอ่อนเยาว์

DSK Editorial team
บทความโดย
DSK Editorial team
สิงหาคม 21, 2024
คุณหมอขอสรุป ฉีด Biostimulator กระตุ้นคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวอ่อนเยาว์ ได้อย่างไร?
  • Biostimulator คือ สารที่เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวหนังจะกระตุ้นให้เซลล์ Fibroblast สร้างคอลลาเจน อิลาสติน และไฮยารูโรนิค ช่วยให้ผิวแน่นกระชับ อิ่มฟู ยืดหยุ่นดี เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อยและริ้วรอย ใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือนหลังฉีด จึงจะเห็นผลชัดเจน
  • ข้อดี: Biostimulator กระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน type 1, type 3 และอิลาสติน รวมถึงกระตุ้นการทำงานของ Proteoglycan และ Angiogenesis 
  • ข้อเสีย: ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของ Biostimulator และมีโรคประจำตัวภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง
  • ทำ Biostimulator ที่ DSK Clinic มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญวิเคราะห์ผิวอย่างละเอียดและใช้เครื่องมืออย่างชำนาญ เพื่อออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคลที่มีประสิทธิภาพ

Biostimulator นวัตกรรมการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน เพื่อผิวแน่น เต่งตึง เรียบเนียน กระชับ เหมือนผิวเด็ก หมดกังวลเรื่องริ้วรอยและความหย่อนคล้อยบนใบหน้า ใครสามารถฉีดได้บ้าง ช่วยเรื่องอะไร ทำให้ผิวเด็กได้อย่างไร ใครอยากผิวอ่อนเยาว์ห้ามพลาดบทความนี้

 Biostimulator คืออะไร

Biostimulator หรือเรียกอีกอย่างว่า Collagen Biostimulator คือ สารกระตุ้นคอลลาเจน เมื่อฉีดเข้าสู่ชั้นผิวหนังแล้วจะเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อชดเชยคอลลาเจนที่ลดน้อยลงจากอายุที่เพิ่มขึ้น ทำให้หลังจากฉีดแล้วผิวจะดูแน่นกระชับ อิ่มฟู ยืดหยุ่นดี สุขภาพผิวกลับมาแข็งแรงอีกครั้ง

Biostimulator มีการทำงานอย่างไร

หลักการทำงานของ Biostimulator คือสารเติมเต็มนี้จะประกอบไปด้วยอนุภาคของกรด Poly-L-Lactic (PLLA) ซึ่งผลิตมาจากโมเลกุลของพืชที่ผ่านการหมักทางชีวภาพจนเกิดเป็นสารประกอบในรูปแบบพอลิเมอร์ที่มีลักษณะโครงสร้างเข้ากับผิวหนังมนุษย์ เมื่อฉีดเข้าไปใต้ชั้นผิวจะกระตุ้นคอลลาเจนโดยทำงานร่วมกับเนื้อเยื่อบริเวณใบหน้า กระตุ้นให้เซลล์ต้นกำเนิดในการสร้างเส้นใยคอลลาเจน (fibroblast) สร้างคอลลาเจน อิลาสติน และไฮยารูโรนิค ทำให้เกิดการสะสมรวมตัวกันของเส้นใยคอลลาเจนใหม่ จึงช่วยเสริมโครงสร้างผิวให้แข็งแรงได้ในระยะยาวนั่นเอง

Biostimulator มีกี่ยี่ห้อ

Biostimulator มีกี่ยี่ห้อ

ในปัจจุบัน Biostimulator มีอยู่ด้วยกันหลากหลายยี่ห้อมากครับ แต่ยี่ห้อที่เป็นที่นิยมทั่วโลก ผ่านการรับรองจาก อย. ทั้งในไทย อเมริกา และเกาหลี อีกทั้งยังสามารถช่วยกระตุ้นคอลลาเจนได้มากที่สุด จะมีหลักๆ ด้วยกันอยู่ 2 ยี่ห้อ ดังนี้

Sculptra 

Sculptra เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีสาร PLLA (Poly-L-Lactic acid) ซึ่งเป็นสารกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่ ช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิวจากภายใน ผิวหน้าที่หย่อนคล้อยดูยกกระชับมากขึ้น ใบหน้าแลดูอ่อนเยาว์อย่างเป็นธรรมชาติ

Radiesse 

Radiesse เป็นสารฉีดกระตุ้นคอลลาเจน ที่มีองค์ประกอบของ CaHA (Calcium Hydroxylapatite) ซึ่งจะเข้าไปกระตุ้นชั้นใต้ผิวหนังให้สร้างคอลลาเจนขึ้นมา เห็นผลลัพธ์คล้ายการฉีดฟิลเลอร์ ผิวหน้ากระชับ ยืดหยุ่นได้ดี รวมถึงใบหน้าจะดูมีมิติมากขึ้นด้วย

Sculptra VS Radiesse เปรียบเทียบการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน

Sculptra VS Radiesse เปรียบเทียบการฉีดกระตุ้นคอลลาเจน

Sculptra กับ Radiesse ต่างก็เป็น Biostimulator ชั้นนำที่ปลอดภัยได้มาตรฐาน ให้ผลดีในการกระตุ้นคอลลาเจนและชะลอวัย แต่มีความแตกต่างในแง่ของส่วนประกอบ 

โดย Sculptra ทำจาก Poly-L-Lactic Acid จะออกฤทธิ์ผ่านการอักเสบนิดๆ ในระดับเซลล์เพื่อกระตุ้นเซลล์เม็ดเลือดขาว จากนั้นจะส่งสัญญาณให้เซลล์ Fibroblast สร้างคอลลาเจนและอิลาสตินใหม่เพิ่มขึ้นมา ในขณะที่ Radiesse ทำจาก Calcium hydroxyapatite ซึ่งคล้ายกับกระดูกของคนเราตามธรรมชาติ จึงกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่เซลล์ Fibroblast โดยตรง 

นอกจากนี้ทั้งสองยังต่างกันในเรื่องของระยะเวลาการคงอยู่ของผลลัพธ์ โดย Sculptra จะอยู่ได้นานกว่า 24 เดือน แต่ Radiesse อยู่ได้ประมาณ 12-15 เดือน

เปรียบเทียบ Biostimulator แต่ละประเภท

นอกเหนือจากที่กล่าวไปแล้วข้างต้น Biostimulator ยังมีอยู่อีกหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็จะมีความแตกต่างกันไป ในเรื่องของส่วนประกอบ คุณสมบัติ และการแก้ไขปัญหาผิว

  • Aesthefil มีส่วนประกอบสำคัญ คือ PDLLA (Poly-d,l-lactic acid) และ Carboxymethyl Cellulose (CMC) มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ง่าย ฉีดเข้าผิวง่าย กระตุ้นคอลลาเจนได้ไม่มากนัก แต่ผลลัพธ์ที่ได้ผิวหนังจะกระชับและเรียบเนียนสม่ำเสมอมากขึ้น
  • Lenisna มีส่วนประกอบสำคัญ คือ PDLLA (Poly-d,l-lactic acid) และ Hyaluronic acid (HA) มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ง่าย ฉีดเข้าผิวง่าย สามารถกระตุ้นคอลลาเจนได้ไม่มาก แต่ HA จะช่วยทำให้ผิวฟูและคงความชุ่มชื้นไว้ในผิวหนัง
  • Juvelook มีส่วนประกอบสำคัญ คือ PDLLA (Poly-d,l-lactic acid) และ Hyaluronic acid (HA) มีคุณสมบัติละลายน้ำได้ง่าย ฉีดเข้าผิวง่าย แต่กระตุ้นคอลลาเจนได้น้อย Juvelook จะมีอนุภาคของ PDLLA อยู่เจือจางมากที่สุด เพื่อให้เหมาะกับการนำมาฉีดในบริเวณที่ผิวบอบบาง เช่น บริเวณรอบดวงตา
  • Sculptra มีส่วนประกอบสำคัญ คือ PLLA (Poly-L-lactic acid) เมื่อฉีดจะกระตุ้นคอลลาเจนได้ยาวนาน แต่ต้องอาศัยเทคนิคที่แม่นยำและชำนาญ

Biostimulator หรือเครื่องยกกระชับ Ulthera / Thermage ดีกว่า?

Biotimulator, Ulthera และ Thermage ต่างก็สามารถช่วยยกกระชับผิวและสร้างคอลลาเจนใหม่ได้ โดย Biotimulator เป็นหัตถการที่เหมาะกับการแก้ปัญหาผิวชั้นด้านบนให้แน่น เฟิร์ม กระชับ ด้วยการสร้างคอลลาเจนใหม่เป็นหลัก ส่วน Thermage เหมาะกับผิวชั้นด้านบนเช่นกัน โดยจะช่วยให้คอลลาเจนเดิมหดตัว เหมาะกับผิวที่มีคอลลาเจนเดิมเยอะอยู่แล้ว แต่ถ้าหากอยากเน้นยกกระชับผิวหนังที่ชั้น SMAS เครื่อง Ulthera จะเหมาะสมกว่า

Biostimulator เหมาะกับใคร

Biostimulator เหมาะกับใคร

การกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนโดยการฉีด Biostimulator เป็นการกระตุ้นใต้ชั้นผิวหนังอย่างเป็นธรรมชาติ และให้ผลในระยะยาว จึงเหมาะมากๆ สำหรับผู้ที่มีปัญหาผิวดังนี้ครับ

  • ผิวหย่อนคล้อย ไม่กระชับจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น
  • มีริ้วรอยแห่งวัย ทำให้หน้าดูมีอายุ
  • มีความเสื่อมสภาพของผิว เป็นผู้ที่อายุตั้งแต่ 25 ปีขึ้นไป ที่ต้องการป้องกันผิวให้คงความอ่อนเยาว์เอาไว้
  • ผู้ที่ต้องการทำหัตถการแล้วให้ผลลัพธ์อยู่ได้ยาวนาน เพราะ Biostimulator ให้ผลยาวนานมากถึง 2 ปี

Biostimulator ไม่เหมาะกับใคร

Biostimulator ฉีดกระตุ้นคอลลาเจนอาจมีข้อจำกัดบางประการ ทำให้ไม่เหมาะกับในบางกรณี หากต้องการฉีดจริงๆ ควรปรึกษาหมอก่อนจะทำการฉีด หรือควรรักษาให้หายดีก่อน โดย Biostimulator จะไม่เหมาะกับกลุ่มคนเหล่านี้

  • ผู้ที่ใช้ยากลุ่ม NSAID ยากดภูมิคุ้มกัน หรือ corticosteroids เป็นระยะเวลานาน
  • มีปัญหาสุขภาพจิต
  • มีโรคทางระบบประสาทสัมผัสในการรับรู้ไม่ดี โรคเบาหวาน โรคแพ้ภูมิตัวเอง โรคเริม โรคลมชัก
  • เคยแพ้สารบางชนิดอย่างรุนแรง รวมถึงเคยแพ้ยาชา
  • มีการอักเสบที่ผิวหนังบริเวณที่ต้องการฉีด
  • กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร
  • มีภาวะเลือดออกผิดปกติหรือใช้ยาที่ส่งผลต่อการทำงานของเกล็ดเลือด เช่น ยาละลายลิ่มเลือด ยาต้านการแข็งตัวของเลือด เพราะอาจทำให้เกิดรอยฟกช้ำ ห้อเลือด หรือมีเลือดออกได้
  • ผู้ที่ใจร้อน อยากเห็นผลในทันที เนื่องจาก Collagen Biostimulator คือการกระตุ้นคอลลาเจนตามธรรมชาติ จึงต้องให้เวลาร่างกายในการสร้างสักเล็กน้อย

ข้อดีของการฉีด Biostimulator 

นวัตกรรมฉีดกระตุ้นคอลลาเจน Biostimulator มีข้อดีหลายอย่างที่จะช่วยให้สุขภาพผิวของเราแข็งแรงขึ้นครับ ไม่ว่าจะเป็น

  • ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน type 1 สูงสุดถึง 150%
  • ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจน type 3 สูงสุดถึง 130%
  • ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเส้นใยอิลาสตินมากขึ้น ทำให้ผิวยืดหยุ่นดี ลดเลือนริ้วรอย
  • กระตุ้นการทำงานของ Proteoglycan ซึ่งจะทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ไม่แห้งกร้าน
  • กระตุ้นการทำงานของ Angiogenesis ที่ช่วยสร้างเส้นเลือดในการหล่อเลี้ยงผิว ทำให้เลือดสูบฉีดดี สารอาหารต่างๆ สามารถลำเลียงได้อย่างทั่วถึง ทำให้ผิวดูแดงอมชมพู ดูสดใส มีเลือดฝาด

ข้อจำกัดของการฉีด Biostimulator 

Biostimulator มีข้อดีต่อผิวมากมาย แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการที่ควรคำนึงถึงก่อนที่จะเข้ารับการกระตุ้นคอลลาเจนด้วยวิธีนี้ครับ

  • ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ส่วนประกอบของ Biostimulator เช่น Poly-L-lactic acid (PLLA), Carboxymethylcellulose (CMC) หรือ Non-pyrogenic mannitol
  • ห้ามใช้ในผู้ที่มีโรคประจำตัวภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune, SLE) หรือ ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน
  • ห้ามใช้ในผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ Biostimulator ชนิดรุนแรง
  • ห้ามใช้ในกรณีที่เคยฉีดแล้วผิวหนังตำแหน่งบริเวณที่ทำเกิดการอักเสบหรือติดเชื้อ

ฉีด Biostimulator อยู่ได้นานไหม

หลังจากการฉีด Biostimulator จะสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ชัดเจนช่วง 1-2 เดือนหลังฉีด หากฉีดเพียงครั้งเดียว ผลลัพธ์อาจอยู่ได้แค่ 2-4 เดือนครับ จึงแนะนำให้ฉีดต่อเนื่อง 2-3 ครั้ง ในช่วงแรกๆ เพื่อให้ผิวค่อยๆ ใช้เวลาปรับตัว แล้วผลลัพธ์จะสามารถอยู่ได้นานถึง 2 ปีเลย

การเตรียมตัวก่อนฉีด Biostimulator

การฉีด Biostimulator คล้ายกับการทำหัตถการอื่นๆ ที่ควรมีการเตรียมตัวอย่างถูกวิธีสักหน่อย เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์ออกมามีประสิทธิภาพสูงที่สุด โดยมีการเตรียมตัวดังนี้

  • งดทำหัตถการอื่นๆ บนใบหน้า ก่อนมาฉีด 2-4 สัปดาห์
  • งดสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1-3 วันก่อนฉีด
  • งดทานยาและวิตามินต่างๆ ที่ส่งผลต่อการละลายลิ่มเลือด ทำให้เลือดออกได้ง่าย อย่างน้อย 1 สัปดาห์ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดรอยช้ำได้
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อประโยชน์ในการให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนใหม่

การดูแลตัวเองหลังฉีด Biostimulator

การเตรียมตัวก่อนฉีดเป็นเรื่องที่สำคัญแล้ว ทว่าการดูแลตัวเองหลังฉีดก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันเลย หากอยากให้การฉีด Biostimulator เป็นไปได้ด้วยดี ควรดูแลตัวเองดังนี้

  • หลังจากฉีด 12 ชั่วโมงแรก ให้หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องสำอาง รวมถึงครีมบำรุงผิวต่างๆ
  • หากมีก้อนใต้ผิวหนัง สามารถนวดเบาๆ ได้
  • หากมีอาการบวมช้ำ สามารถประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการได้
  • พบแพทย์ตามนัดหมายเพื่อประเมินผลการรักษา

ทำไมต้องทำ Biostimulator และยกกระชับที่ DSK Clinic 

เพราะการทำ Biostimulator ที่ DSK Clinic เราใส่ใจความแตกต่างของปัญหาที่คนไข้แต่ละรายต้องการแก้ไข เรามีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนัง เลเซอร์ และการปรับรูปหน้า ที่ให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ผิวอย่างละเอียด มีความชำนาญในการใช้เครื่องมือต่างๆ จึงสามารถ “ออกแบบการรักษาเฉพาะบุคคล” เลือกเครื่องมือที่ดีที่สุด เทคนิคที่ดีที่สุด เพื่อให้ได้การรักษาที่เหมาะสมและผลลัพธ์ที่เหนือกว่าจากเทคนิคที่แตกต่าง

รีวิวการฉีด Biostimulator ที่ DSK Clinic

รีวิว Custom Skin Quality ที่ DSK Clinic
รีวิว Custom Skin Quality ที่ DSK Clinic
รีวิว Custom Skin Quality ที่ DSK Clinic
รีวิวการฉีด Biostimulator ที่ DSK Clinic
รีวิวการฉีด Biostimulator ที่ DSK Clinic
รีวิว Radiesse
Radiesse รีวิว

Facebook: https://www.facebook.com/dsk.clinic/ 
Instagram: https://www.instagram.com/dsk.clinic/ 
YouTube: https://www.youtube.com/@dskclinic 
TikTok: https://www.tiktok.com/@dskclinic 

สรุป

Biostimulator คือ สารกระตุ้นคอลลาเจน ที่เมื่อฉีดเข้าสู่ใต้ชั้นผิวหนังแล้วจะเข้าไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอลลาเจนเพิ่มขึ้น ทำให้ผิวแน่นกระชับ อิ่มฟู ยืดหยุ่นดี โครงสร้างผิวแข็งแรงขึ้น ป้องกันความเสื่อมสภาพของผิว เหมาะมากกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ริ้วรอยต่างๆ ที่เกิดจากอายุที่เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งผลลัพธ์ยังอยู่ได้นานและเป็นการฟื้นฟูผิวจากภายใน ที่ DSK Clinic เรามีบริการฉีด Biostimulator ที่ทำโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์ ทำให้สามารถวางแผน ประเมินปัญหาของคนไข้อย่างเหมาะสม ผลลัพธ์ออกมาสวยเข้ากับปัญหาแต่ละเคส

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Biostimulator (FAQ)

ได้รู้จัก Biostimulator กันไปแล้วว่าคืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร ผู้ที่สนใจอยากจะฉีดกระตุ้นคอลลาเจนด้วยวิธีนี้อาจจะยังมีข้อสงสัยอยู่บ้าง หมอจึงได้รวบรวมคำถามที่มีคนไข้มาถามหมออยู่บ่อยครั้งมาตอบให้กระจ่างกัน

เลือก Biostimulator แบบไหนดี

ควรเข้ามาปรึกษาคุณหมอ แล้วให้หมอเป็นผู้วินิจฉัยเลือก Biostimulator ที่เหมาะสมกับปัญหา เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ฉีด Biostimulator เจ็บไหม

ขณะฉีดจะรู้สึกแสบหน่วงเล็กน้อย แต่จะมีการใช้ยาชาร่วมด้วย ทำให้ลดความรู้สึกเจ็บไปได้มาก

ฉีด Biostimulator พร้อมทำหัตถการอื่นได้หรือไม่

สามารถทำได้ โดยทำพร้อมกันหรือเว้นระยะเวลาก่อนหรือหลังฉีด Biostimulator ประมาณ 1 เดือน

บทความที่เกี่ยวข้อง

  1. Radiesse กระตุ้นคอลลาเจน เติมเต็มริ้วรอย ชนิดพิเศษ
  2. เทียบให้ชัด! Sculptra VS Filler ตัวช่วยเติมเต็มใบหน้า เลือกตัวไหนดี?
  3. Sculptra VS Radiesse เทียบคนละหมัด ตัวท็อปหน้าเด็ก 2 ค่ายดัง
  4. Sculptra ดีจริงไหม ฉีดที่ไหนดี รวมเรื่องต้องรู้ก่อนฉีด ฉบับอัพเดท 2024
  5. Radiesse VS HA Filler ฉีดตัวไหน เหมาะกับใคร ควรรู้อะไรก่อนฉีด
  6. อัพเดท 2024 รักษาหลุมสิว ด้วยเทคนิคล่าสุด ตามงานวิจัยฉบับหมอสกิน
banner-view-promotion-mobile

วิดีโอเรื่องที่ควรรู้

mock-cover-video-1
เตือนภัย! แฉกลโกงคลินิกเสริมความงาม
ไม่อยากโดนหลอก ต้องดู!

อ่านบทความจากหมอ

banner-consultation-mobile-2x
bg-bt-contact-1-2x
ปรึกษาปัญหาผิวหน้า
ทักแชท Facebook ฟรี
bg-bt-contact-2-2x
แอดไลน์คลินิค
จองคิวทำนัด
bg-bt-contact-3-2x
ติดต่อสอบถาม
โทรเลย
bg-bt-contact-4-2x
ค้นหาสาขาใกล้ตัว
คลิกดูสาขา